การใช้คำราชาศัพท์กับบุคคลต่างๆ
1. พระมหากษัตริย์ 2. พระบรมวงศานุวงศ์ 3. พระสงฆ์ 4. ข้าราชการชั้นสูงหรือขุนนาง 5. สุภาพชน
คำราชาศัพท์แบ่งได้ 6 หมวด คือ
1. หมวดร่างกาย 2. หมวดเครือญาติ 3. หมวดเครื่องใช้ 4. หมวดกริยา 5. หมวดสรรพนาม 6. หมวดคำที่ใช้กับพระสงฆ์
คือ
1.1 คำนามที่ไม่ใช้คำใดๆ ประกอบ ได้แก่ คำนามประเภทสมุหนาม เช่น คณะ สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น
อีกพวกหนึ่ง ได้แก่ คำนามที่เป็นราชาศัพท์แล้วในตัว เช่น ตำหนัก วัง เป็นต้น พวกหลังนี้เมื่อใช้ในระดับสูงขึ้นไปต้องใช้คำอื่นประกอบ เช่น ตำหนัก (เรือนเจ้านาย) พระตำหนัก (เรือนของพระมหากษัตริย์)
1.2 คำนามที่ใช้คำอื่นประกอบเพื่อเป็นราชาศัพท์
ก. สำหรับพระมหากษัตริย์
* คำนามที่เป็นชื่อสิ่งของสำคัญที่ควรยกย่อง มีคำเติมหน้า ได้แก่ พระบรมมหาราช พระบรมมหา พระบรมราช พระบรม พระอัคราช พระอัคร และพระมหา เช่น พระบรมมหาราชวัง พระบรมมหาชนกพระบรมราชชนนี พระบรมราชวงศ์ พระบรมอัฐิ พระบรมโอรสาธิราช พระอัครชายา พระมหาปราสาท พระมหาเศวตฉัตร เป็นต้น
*คำนามเป็นชื่อสิ่งสำคัญรองลงมา นำหน้าด้วยคำ “พระราช” เช่น พระราชวังพระราชวงศ์ พระราชทรัพย์ พระราชลัญจกร เป็นต้น
* คำนามเป็นชื่อของสิ่งสามัญทั่วไปที่ไม่ถือว่าสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นคำบาลีสันสกฤต เขมร และคำไทยเก่า แต่บางคำก็เป็นคำไทยธรรมดานำหน้าด้วยคำ “พระ” เช่น พระกร พระบาทพระโรค พระฉาย พระแท่น พระเคราะห์ เป็นต้น คำนามใดที่เป็นคำประสม มีคำ “พระ” ประกอบอยู่แล้ว ห้ามใช้คำ “พระ” นำหน้าซ้อนอีก เช่น พานพระศรี (พานหมาก) ขันพระสาคร (ขันน้ำ) เป็นต้น
* คำนามที่เป็นชื่อสิ่งไม่สำคัญและคำนั้นมักเป็นคำไทย นำหน้าด้วยคำว่า “ต้น” เช่น ม้าต้น ช้างต้น เรือนต้น และนำหน้าด้วย “หลวง” เช่น ลูกหลวง หลานหลวง รถหลวง เรือหลวง สวนหลวง
ส่วน “หลวง” ที่แปลว่า ใหญ่ ไม่จัดว่าเป็นราชาศัพท์ เช่นภรรยาหลวง เขาหลวง ทะเลหลวง เป็นต้น นอกจากคำว่า “ต้น” และ “หลวง” ประกอบท้ายคำแล้วบางคำยังประกอบคำอื่นๆ อีก เช่น รถพระที่นั่ง เรือพระที่นั่ง รถทรง เรือทรง ม้าทรง ช้างทรง น้ำสรง ห้องสรง ของเสวย โต๊ะเสวย ห้องบรรทม เป็นต้น
ข. สำหรับเจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์ คือตั้งแต่ สมเด็จพระบรมราชินีลงไปถึงหม่อมเจ้า
* ใช้พระราชนำหน้า เช่น พระราชเสาวนีย์ พระราชประวัติ พระราชดำรัlส พระราชกุศล พระราโชวาท พระราโชบาย เป็นต้น
* ใช้พระนำหน้า เช่น พระเศียร พระองค์ พระหัตถ์ พระทัย พระบาท เว้นแต่หม่อมเจ้าไม่ใช้ “พระ” นำหน้า ใช้ว่า เศียร องค์ หัตถ์ หทัย บาท เป็นต้น
* คำนามราชาศัพท์สำหรับเจ้านายอยู่ในตัว ไม่ต้องใช้คำนำหน้าหรือคำต่อท้าย เช่น วัง ตำหนัก ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
การใช้คำว่า “พระ” “พระบรม” “พระราช”
“พระ” ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นอวัยวะ ของใช้ เช่น พระชานุ พระนลาฏ พระขนง เป็นต้น
“พระบรม” ใช้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น พระบรมราโชวาท พระบรมราชานุเคราะห์ พระปรมาภิไธย เป็นต้น
“พระราช” ใช้นำหน้าคำนาม แสดงว่าคำนามนั้นเป็นของ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เช่นพระราชประวัติ พระราชานุญาต พระราชวโรกาส เป็นต้น
หลัก 3 ประการ การใช้คำว่า “ทรง”
นำหน้าคำนามสามัญบางคำ ทำให้เป็นกริยาราชาศัพท์ได้ เช่น ทรงรถ ทรงดนตรี ทรงช้าง ทรงเครื่อง เป็นต้น
นำหน้าคำกริยาสามัญ ทำให้เป็นกริยาราชาศัพท์ เช่น ทรงวิ่ง ทรงเจิม ทรงออกกำลังกาย ทรงใช้ เป็นต้น
นำหน้าคำนามราชาศัพท์ ทำให้เป็นกริยาราชาศัพท์ได้ เช่นทรงพระราชดำริ ทรงพระอักษร ทรงพระดำเนิน ทรงพระราชนิพนธ์ เป็นต้นคำกริยาที่เป็นราชาศัพท์อยู่แล้วไม่ใช้ “ทรง” นำหน้า เช่นเสวย เสด็จ โปรด เป็นต้น
การใช้ราชาศัพท์ให้ถูกต้องตามสำนวนไทย
ไม่นิยมเลียนแบบสำนวนต่างประเทศ
ถ้ามาต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องใช้ว่า ประชาชนมาเฝ้า ฯ รับเสด็จ คำว่า “เฝ้าฯรับเสด็จ” ย่อมาจาก “เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ” ไม่ใช้คำว่า “ถวายการต้อนรับ”
คำว่า “คนไทยมีความจงรักภักดี” หรือ “แสดงความจงรักภักดี” ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช่คำว่า “ถวายความจงรักภักดี”
การใช้คำราชาศัพท์ให้ถูกต้องตามเหตุผล
คำว่า “อาคันตุกะ” “ราชอาคันตุกะ” และ”พระราชอาคันตุกะ” ใช้ดังนี้ คือให้ดูเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ เช่นแขกของพระมหากษัตริย์ ใช้คำว่า”ราช”นำหน้า ถ้าไม่ใช่แขกของพระมหากษัตริย์ก็ไม่ต้องมี ”ราช” นำหน้า
ในการถวายสิ่งของแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถ้าเป็นของเล็กยกได้ก็ใช้ “ทูลเกล้าฯ ถวาย”ถ้าเป็นของใหญ่ยกไม่ได้ใช้ “น้อมเกล้า ฯ ถวาย”
คำขึ้นต้นและคำลงท้ายในการกราบบังคมทูล กราบทูล และทูลด้วยวาจา
ฐานันดรของผู้ฟัง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
คำขึ้นต้น : ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
คำลงท้าย : ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ฐานันดรของผู้ฟัง : สมเด็จพระบรมราชินี , สมเด็จพระบรมราชชนนี , สมเด็จพระยุพราช , สมเด็จพระสยามบรมราชกุมารี
คำขึ้นต้น : ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท
คำลงท้าย : ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ฐานันดรของผู้ฟัง : สมเด็จเจ้าฟ้า
คำขึ้นต้น : ขอพระราชทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : กราบทูลฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ฐานันดรของผู้ฟัง : หม่อมเจ้า
คำขึ้นต้น : ทูลฝ่าพระบาททรงทราบ
คำลงท้าย : แล้วแต่จะโปรด
เข้าใจเรื่องมาตราตัวสะกด
มาตราตัวสะกดในภาษาไทยมีทั้งหมด 8 มาตรา ไม่รวมแม่ ก กา ที่ไม่มีตัวสะกด มาตราตัวสะกดทั้ง 8 มาตรา ได้แก่ แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กน แม่กง แม่กม แม่เกย แม่เกอว ซึ่งมาตราตัวสะกดนี้จะบอกการออกเสียงในแต่ละคำ เพราะบางคำใช้ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แต่หากผู้อ่านทราบว่าเป็นพยัญชนะที่อยู่ในมาตราใดก็จะช่วยให้อ่านออกเสียงได้ถูกต้อง เช่น คำว่า พาล ที่ตัวสะกด ล อยู่ในแม่กน จะทำให้ทราบคำอ่านของคำนี้ว่า พาน
มีความรู้เกี่ยวกับศัพท์ยาก
คำศัพท์ยากเป็นคำศัพท์ที่มีรูปแบบการเขียนซับซ้อนและเป็นคำศัพท์เฉพาะ หรือคำศัพท์ที่ไม่ค่อยปรากฏใช้บ่อย ทำให้ผู้อ่านไม่ทราบการออกเสียงคำนั้น แต่หากผู้อ่านมีความรู้เรื่องคำศัพท์ยากมาบ้างก็อาจจะพออนุมานวิธีการอ่าน หรือหากเคยเห็นศัพท์นั้น ๆ ผ่านตามาบ้างก็จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถอ่านคำศัพท์นั้น ๆ ได้ถูกต้อง การหมั่นค้นคว้าศัพทย์ยากอยู่เสมอจึงเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการอ่านออกเสียง ตัวอย่างศัพท์ยาก เช่น ฉกษัตริย์ อ่านว่า ฉอ-กะ-สัด
อ่านคำทับศัพท์ให้ถูกต้อง
คำทับศัพท์จากภาษาต่างประเทศที่มักจะสับสน คือ คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ เพราะมีหลักเกณฑ์การถอดรูปตามต้นฉบับ และมักจะไม่เติมวรรณยุกต์ เช่น คำว่า Computer ที่ถึงแม้จะมีศัพท์บัญัติว่า คณิตกรณ์ แต่คนก็ติดปากการเรียกว่าคอมพิวเตอร์เหมือนภาษาอังกฤษ แต่เมื่อคำว่า คอมพิวเตอร์ อยู่ในบทอ่าน การอ่านจะอ่านเป็น คอม – พิว – เต้อ ซึ่งมีการเติมวรรณยุกต์โทในคำสุดท้ายเหมือนเสียงภาษาอังกฤษ แต่การอ่านจะต้องไม่มีการใส่เสียงพยัญชนะอื่น ๆ และเสียงพยัญชนะท้ายตามต้นฉบับ คือ คำว่า คอมพิวเตอร์จะไม่มีการม้วนลิ้นเป็นตัว R ในคำว่า -ter ตามภาษาอังกฤษ ออกเสียงตรง ๆ ว่า -เต้อ
ออกเสียงอักษรควบกล้ำ, อักษรนำ
คำควบกล้ำ คือ คำที่มีพยัญชนะต้น 2 ตัวผสมด้วยสระเดียวกัน แล้วออกเสียงคบกัน เช่น คำว่า ขวาน อ่านว่า ขวฺาน
อักษรนำ คือ คำที่มีพยัญชนะผสมด้วยสระเดียวกัน แต่ออกเสียงแยกเป็น 2 คำ เช่น คำว่า ตลาด อ่านว่า ตะ – หลาด
การอ่านออกเสียงอักษรควบกล้ำและอักษรนำจะต้องระมัดระวัง เพราะมีบางคำที่มีลักษณะเหมือนอักษรควบกล้ำหรืออักษรนำ แต่ออกเสียงตามเสียงเดิม เช่น คำว่า นิทรา อ่านว่า นิด – ทรา ไม่ได้ควบ -ทร เป็น -ซ ตามความเคยชิน
ออกเสียง ร ล ให้ชัดเจน
พยัญชนะที่มักจะมีปัญหาในการออกเสียงอยู่เสมอ คือ อักษร ร และ ล โดยเฉพาะ ร ที่จะต้องที่จะต้องมีการม้วนลิ้นและออกเสียงโดยการสั่นระรัวบริเวณลิ้น ในขณะที่ ล เพียงกระดกลิ้นเบา ๆ และออกเสียง ล หลายคนไม่สามารถออกเสียง ร ได้ และออกเสียงตามแบบ ล การหมั่นฝึกฝนการออกเสียงอยู่เสมอเป็นวิธีช่วยให้สามารถออกเสียงได้ถูกต้อง เพราะการออกเสียงให้ถูกต้องทุกคำเป็นคุณสมบัติที่ดีของการออกเสียง
รู้จักการเว้นวรรคให้ถูกต้อง
ประโยคในภาษาไทยจะมีการเขียนเรียงยาวจนจบประโยค ไม่ได้เว้นวรรคเมื่อจบคำเหมือนภาษาอังกฤษ ซึ่งการเว้นวรรคนี้เป็นการง่ายต่อการอ่านในภาษาไทย เพราะผู้อ่านสามารถอ่านจนจบประโยคและเว้นวรรคหายใจได้ แต่ในกรณีที่ประโยคมีความยาวเกินกว่าจะอ่านครั้งเดียวจบ ผู้อ่านจะต้องทราบจุดที่ควรเว้นวรรคให้ถูกต้อง ไม่ตัดตอนประโยค ขณะเดียวกันก็ไม่ก่อให้เกิดความหมายที่กำกวมในการอ่าน เช่น ประโยค “วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสในตอนเช้า แต่คาดว่าฝนจะตกในตอนกลางคืน” สามารถเว้นวรรคได้ว่า วันนี้/ท้องฟ้าแจ่มใส/ในตอนเช้า/แต่/คาดว่าฝนจะตก/ในตอนกลางคืน และควรเน้นคำว่า “แต่” ให้ชัดเจนในประโยค เพื่อบอกความขัดแย้ง
เข้าใจการเน้นเสียงหนัก-เบาในการอ่าน
การเน้นคำ และการใช้เสียงหนัก-เบาจะช่วยให้การอ่านน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่นประโยคข้างต้น “วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสในตอนเช้า แต่คาดว่าฝนจะตกในตอนกลางคืน” ที่ควรเน้นคำว่า “แต่” เพราะเป็นการเชื่อมประโยคทั้ง 2 ประโยคเข้าด้วยกัน และบ่งบอกความขัดแย้งของประโยค รวมถึงเป็นการเร้าความสนใจของผู้ฟังให้สนใจการอ่านของผู้อ่านมากยิ่งขึ้น การใช้เสียงเบาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังอยากรู้เหตุการณ์ และการใช้เสียงหนักเพื่อเน้นความขัดแย้งของประโยคเป็นศิลปะที่ผู้อ่านต้องหมั่นฝึกฝนจนชำนาญ และทราบว่าส่วนใดของประโยคควรเน้นหรือเบาเสียง
การเรียนอ่านออกเสียง
การเรียนอ่านออกเสียง
นอกจากเทคนิคข้างต้น การใช้น้ำเสียง การระมัดระวังการอ่านไม่ให้ตกหล่นคำใดคำหนึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญในการอ่านเช่นกัน การเป็นผู้ที่สามารถอ่านภาษาไทยได้ถูกต้องตามอักขระ ออกเสียงชัดเจนจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ช่วยสร้างความมั่นใจ และเป็นผู้มีความรู้เรื่องคำมาก ซึ่งที่ Tueetor ก็มีการเรียนออนไลน์เกี่ยวกับภาษาไทยสำหรับผู้ที่สนใจได้เลือกคอร์สเรียนได้ตามต้องการ